หลุด! กล่อง Xiaomi Mi 11 เบาบางลง คาดว่าไร้ หัวชาร์จ ตาม Apple

หลุด! กล่อง Xiaomi Mi 11 เบาบางลง คาดว่าไร้ หัวชาร์จ ตาม Apple

ได้มีภาพหลุดออกมาในส่วนของตัวกล่องของสมาร์ทโฟนตัวใหม่ของ Xiaomi Mi 11 ที่กำลังจะปล่อยตัวในเร็ว ๆ นี้ โดยพบว่าตัวกล่องนั้นเบา และบางขึ้น หลายคนคาดว่าจะไม่มี หัวชาร์จ แถมมาให้เช่นเดียวกับที่ Apple ทำไปก่อนหน้า

หลังจากที่ได้มีการยืนยันถึงวันวางขายของตัวสมาร์ทโฟนใหม่ของทาง Xiaomi อย่าง Mi 11 ที่จะทำการขายในช่วงสัปดาห์ต้นปีที่จะถึงนี้ 

ก็ได้มีในส่วนของตัวกล่องมือถือ หรือ หีบห่อ (Packaging) ของมันหลุดออกมา โดยตัวกล่องนั้นถือได้ว่ามีขนาดที่เล็กลง และเบามากขึ้นกว่าเดิม ทำให้หลายคนคาดว่ามันจะไร้ หัวชาร์จ แบบเดียวกับที Apple ได้ทำไปกับ iPhone 12 โดยเป็นการปล่อยข่าวหลุดของ Digital Chat Station บนสื่อโซเซียลของจีนอย่าง Weibo ซึ่งเป็นรูปของกล่องมือถือ 2 กล่องด้วยกัน กล่องแรกนั้นเป็นของ iPhone ที่น่าจะเป็นของ iPhone 12 ที่เพิ่งออกมาล่าสุด และอีกกล่องนั้นมีชื่อ Xiaomi 11 ติดไว้อยู่

ซึ่งทางผู้ปล่อยข่าวก็ได้กล่าวว่า ตัวกล่องนั้นมีขนาดที่เบาบางเทียบเท่ากับของทาง iPhone เลยทีเดียว ทั้งนี้ก็ยังคงมีผู้สงสัยถึงทำไมตัวกล่องนั้นถึงไม่มีคำว่า Mi อยู่ด้วยเหมือนกับในรุ่นก่อนหน้า

ขณะเดียวกันเขาก็ได้ตอบผู้ที่เข้ามาแสดงความคิดว่า มันจะไม่มีที่ชาร์จ หรือหัวชาร์จ มาให้ด้วยในกล่อง สำหรับตัว Mi 11 ก็ถือว่าเป็นตลกร้ายที่ทาง Xiaomi เอง และ Samsung นั้นได้ทำการล้อเลียนทาง Apple ไปในประเด็นของการไม่มีการใส่หัวชาร์จมาให้ ก่อนหน้านี้

จึงเป็นที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ทาง Samsung นั้นได้ดำเนินรอยตามไปก่อนแล้ว บนตัว Galaxy S21 และถ้าข่าวนี้เป็นความจริง Xiaomi ก็จะตามขบวนไปเช่นกัน

CD Projekt โดน ฟ้อง จากบรรดานักลงทุนในฐานความผิดโฆษณาเกินจริง เนื่องด้วย Cyberpunk 2077 เวอร์ชั่น Console ไม่สามารถเล่นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง PS4 – Xbox One series บริษัททางด้านกฎหมายในเมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ผู้เป็นตัวแทนของนักลงทุนทั้งหลาย ได้ดำเนินการ ฟ้อง ร้องทางกฎหมายกับทาง CD Projekt ในฐานความผิดโฆษณาเกินจริง ที่ได้มีการโฆษณาว่า Cyberpunk 2077 นั้นสามารถเล่นได้บนเครื่องคอนโซลทั้งใหม่และเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง PS4 – Xbox One Series

การฟ้องร้องนั้นได้เกิดขึ้นภายหลังจากที่มีเสียงวิจารณ์อย่างหนักถึงตัวเกมส์ Cyberpunk 2077 ที่ได้ทำการปล่อยตัวเกมส์ไปเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา โดยตัวเกมส์นั้นได้เปิดให้เล่นใน 6 แพลตฟอร์มด้วยกันได้แก่ PC, PS5, Xbox Series X-S, Stadia, PS4 และ Xbox One Series

แต่ตัวเกมส์กลับอยู่ในสถานะที่หลายคนต่างเรียกว่า “ยังไม่พร้อมในการปล่อยตัวเกมส์” ไม่ว่าจะเป็น ข้อบกพร่องต่าง ๆ ของตัวเกมส์, การกินประสิทธิภาพของเครื่องแบบน่าใจหลาย และปัญหาต่าง ๆ ที่สำคัญที่สุดก็คงเป็น การที่ตัวเกมส์บนแพลตฟอร์มอย่าง PS4 และ Xbox One Series นั้นไม่สามารถทำการเล่นได้ หรือมีปัญหามากเกินกว่าที่จะเล่นได้

ซึ่งจากปัญหาดังกล่าวบนแพลตฟอร์มทั้ง 2 นั้น 

จึงเป็นสาเหตุให้มีการดำเนินกาารฟ้องร้องเกิดขึ้น จากฐานที่ว่าทาง CD Projekt ได้ทำการโฆษณาเกินความจริง ว่าตัวเกมส์สามารถเล่นได้บนเครื่องเล่นต่าง ๆ ในปัจจุบัน โดยทางบริษัท Rosen Law Firm นั้นได้ปล่อยรายละเอียดของสาเหตุในการฟ้องร้องมาดังนี้

Cyberpunk 2077 นั้นถือว่าไม่สามารถที่จะเล่นได้บนเครื่องเล่น PS4 และ Xbox One Series เนื่องด้วยปัญหาข้อบกพร่อง (Bug) ต่าง ๆ ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก

จึงเป็นเหตุให้ทาง Sony ทำการถอดตัวเกมส์ออกจากร้านค้า PlayStation Store และบีบให้ทั้งทาง Sony, Microsoft และ CD Projekt ต้องทำการเสนอรับแลกเงินคืน

ในท้ายที่สุดนี้ก็ส่งผลให้ทาง CD Projekt ได้รับความเสียหายทางด้านชื่อเสียง และทางการเงิน

ดังนั้นแล้วรายงานเกี่ยวกับธุรกิจ, การดำเนินการ และแนวทางของผู้ถูกฟ้องนั้น ถือว่าเป็นการโฆษณาเกินจริง ที่มีข้อมูลที่ผิด และไปในทิศทาง และ/หรือ ขาดพื้นฐานที่สมเหตุสมผลทั้งหมดในช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เมื่อรายละเอียดที่แท้จริงได้ออกมานั้น ก็ได้ส่งผลให้บรรดาผู้ลงทุนทั้งหลายได้รับความเสียหายไปด้วยเช่นกัน

โดยการฟ้องร้องนั้นได้เกิดขึ้นบน ศาลสหรัฐ เพื่อที่จะมีการดำเนินการต่อไป ทางศาลต้องทำการรับรองการฟ้องร้องเสียก่อน ว่าบรรดากลุ่มผู้ที่ดำเนินการฟ้องในฐานเดียวกันนั้นมีความชอบธรรมในการฟ้องร้องดังกล่าว

ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาทั้งในเรื่องล่าสุด และในช่วงที่ผ่านมานั้น Cyberpunk 2077 ก็ยังถือว่าได้ว่าเป็นเกมส์ที่ประสบความสำเร็จเกมส์หนึ่งในปีนี้ โดยในช่วง 2 อาทิตย์หลังปล่อยตัวเกมส์นั้น ก็สามารถทำยอดขายไปได้ 13 ล้านชุดในทุกแพลตฟอร์มที่ลงไป และมียอดผู้เล่นในเวลาเดียวกันสูงสุดที่บน Steam อีกด้วย

สำหรับข้อมูลการใช้จ่ายสะสมผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์ม โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 มีการใช้จ่ายสะสม 1,836.9 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 957.5 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่าย 879.4 ล้านบาท และในส่วนของผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ที่ขายอาหารและเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์ม มีจำนวน 9.49 หมื่นราย

ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจที่มีความโดดเด่นด้านยอดค้ำประกันสินเชื่อ ในไตรมาส 1 คือ กลุ่มธุรกิจการเกษตร ได้แก่ กลุ่มธุรกิจ ผักผลไม้ ยางพารา ข้าว มันสำปะหลังและอ้อย ซึ่งมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญขยายตัวถึง 30% เทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี 2564 ก้าวจากลำดับ 3 ในปี 2564 มาเป็นลำดับ 2 ในปี 2565

แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น